
ลูกศิษย์วังบางขุนพระพรหม “ไม่ทน” หลักการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
แบบเกทับ อีกทั้งเมืองผลประโยชน์ แจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เรียกว่าจะต้องใช้เงินมากมาย แถมหลักการมากไม่น้อยเลยทีเดียวก็บางทีอาจไม่ช่วยไขปัญหา
ธุรกิจ ทั้งยังจะก่อให้เกิดปัญหาให้ประเทศในระยะยาว จนถึงบรรดาเทคโนแครโคนอกมาแผดเสียงเตือน โดยยิ่งไปกว่านั้น 2 สมัยก่อนผู้ว่าการธนาคารชาติ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ที่วังบางขุนพระพรหม แล้วก็ผู้ว่าการธนาคารชาติคนปัจจุบันนี้ที่ส่งสัญญาณอันตราย จากหลักการออกหาเสียงที่เสี่ยงจะกระทบต่อเสถียรภาพหลายๆด้านของประเทศ เริ่มจาก นางธาริษา วัฒนเกส อดีตกาลข้าหลวงประจำจังหวัด ธนาคารแห่งประเทศไทย เขียนเรื่อง “ภาระหน้าที่การเงินของการแจกเงิน” โดยพุ่งเป้าไปที่หลักการแจกเงิน 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย ที่แจกให้กับประชากรอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน โดยตั้งข้อซักถามว่า จะเอาค่าครองชีพส่วนนี้มาจากไหน ซึ่งมาตรการเดียวจำเป็นต้องใช้เงินกว่า 5 แสนล้านบาท และก็จัดหนักว่า “แจกเงิน” เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ นับว่าเป็นหลักการไม่มีความรับผิดชอบ สร้างหนี้สิน ทำราษฎรขาดระเบียบ ไม่เป็นผลสำหรับเพื่อการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในระยะยาว ในขณะที่ ดร.วิรไท สันติภาพประโลก อดีตกาลผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย อีกท่านออกมาให้ความคิดเห็นว่า ยังมองไม่เห็นคำแนะนำแผนการเศรษฐกิจของพรรคการเมือง จะมองเห็นแต่ว่ามาตรการชนิดคำสัญญาว่าจะให้เพื่อเอาอกเอาใจฐานเสียงกรุ๊ปต่างๆมากยิ่งกว่าที่จะบอกถึงจุดหมายเศรษฐกิจไทย และก็จะทำยังไงให้เป็นผลได้จริง ทั้งยังเสนอว่า
การดำเนินแนวทางเศรษฐกิจจำเป็นที่จะต้องให้ความเอาใจใส่กับคำสามคำหมายถึงproductivity (ผลิตภาพ) immunity (การผลิตภูมิต้านทาน)
รวมทั้ง inclusivity (ผู้กระทำระจายผลตอบแทนอย่างทั่วถึง) เพราะว่าอีกทั้งสามเรื่องนับว่า ข่าวธุรกิจ เป็นปัญหาใหญ่ของระบบเศรษฐกิจไทย ที่มีทิศทางจะร้ายแรงขึ้น ดร.วิรไทสะท้อนว่า “จำต้องเลิกทำหลักการชนิดข้อตกลงว่าจะให้แบบทอดแห โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแผนการที่ใช้งบประมาณแบบปลายเปิด จนถึงควบคุมได้ยาก หรือแผนการที่ทำให้ประชากรเสพติดเงินสนับสนุนต้นแบบต่างๆ” ตรงกันข้าม จำต้องรีบทำแนวนโยบายเพิ่มสมรรถนะการจัดหาเงินของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติระบบภาษี การปรับปรุงรัฐวิสาหกิจ แล้วก็การหาเงินจากสินทรัพย์ของรัฐบาล โดยยิ่งไปกว่านั้นที่ดินของเมือง รวมทั้งสัมปทานต่างๆเพราะเหตุว่าค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของเมืองมีลักษณะท่าทางมากขึ้นตามรูปแบบทางสังคมเฒ่า อดีตกาลผู้ว่าการธนาคารชาติบอกว่า เรื่อง inclusivity สำคัญมาก ด้วยเหตุว่าปัญหาความแตกต่างในระบบเศรษฐกิจไทยสูงมากขึ้นเรื่อยปัญหาคนยากจนผ่านรุ่นจะคือปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในเวลาที่ธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยอดทนมากยิ่งขึ้น ความรู้ความเข้าใจได้กำไรสูง แม้กระนั้น SMEs แหล่งว่าจ้างใหญ่ของประเทศมีลักษณะท่าทาง “ฝ่อลง”
แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ไทยครองแชมป์ส่งออก “ถุงยาง” มากมายสุดในโลก แซงหน้า “จีน” ที่เป็นคู่ปรับ