BBL เผยไตรมาส 3/65 กำไร 7,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8%

ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL แจ้งตลาดหุ้นฯ ไตรมาส 3/65 มีกำไรทั้งสิ้น 7,657 ล้านบาท เติบโต +10.8% ด้วยเหตุว่ารายได้ดอกมากขึ้นตามจำนวนเงินให้สินเชื่อที่ขยายตัว รวมทั้งยังได้ผลบุญการปรับมากขึ้นของดอก เวลาเดียวกัน BBL ตั้งสำรองไว้ที่ 9,889 ล้านบาท มากขึ้น +0.2%

ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ของธนาคารแล้วก็บริษัทย่อย โดยมีกำไรทั้งสิ้น 7,657 ล้านบาท เติบโต +10.8% เมื่อเทียบกับตอนเดียวกันของปีกลาย ต้นเหตุหลักมาจากรายได้ดอกสุทธิมากขึ้นตามจำนวนเงินให้สินเชื่อที่ขายตัว และก็รายจ่ายการปฏิบัติงานน้อยลงซึ่งเป็นไปตามฤดู เมื่อรวมงวด 9 เดือน ปี 65 มีกำไรทั้งสิ้นอยู่ที่ 21,736 ล้านบาท มากขึ้น +7.7% จากตอนเดียวกันของปีกลาย

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 26,496 ล้านบาท มากขึ้น +28% จากตอนเดียวกันของปีกลาย ผลจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเงินสินเชื่อธุรกิจ และก็อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สินที่ทำให้เกิดรายได้มากขึ้นจากการจัดการจัดแจงสภาพคล่องของแบงค์ รวมทั้งการปรับตัวมากขึ้นของแนวทางอัตราค่าดอกเบี้ย

รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 10,211 ล้านบาท ต่ำลง -25.6% จากตอนเดียวกันของปีกลาย โดยมากมีต้นเหตุมาจากกำไรทั้งสิ้นจากเครื่องไม้เครื่องมือทางด้านการเงินที่วัดด้วยค่าเที่ยงธรรม ผ่านผลกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) แล้วก็รายไดค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักทรัพย์

ดังนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปริมาณ 9,889 ล้านบาท มากขึ้น +0.2% จากตอนเดียวกันของปีกลาย โดยแบงค์ยังคงยึดหลักความระวังสำหรับในการตั้งสำรอง โดยพิเคราะห์ความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลกที่บางทีอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะด้านหน้าในสิ้นเดือน เดือนกันยายน 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อปริมาณ 2,796,849 ล้านบาท มากขึ้น +8.1% จากปลายปี 2564 โดยส่วนมากมากขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และก็สินเชื่อกิจการค้าต่างชาติ นอกจากนั้น แบงค์มีเงินรับฝากในสิ้นเดือน เดือนกันยายน 2565 ปริมาณ 3,165,479 ล้านบาท มากขึ้น +0.3% จากปลายปี 2564 แล้วก็มีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 88.4%

ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในแนวทางฟื้นตลอด จากกิจกรรมด้านเศรษฐกิจที่ทยอยปรับนิสัยดียิ่งขึ้น และก็จากการคลายเครียดมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าออกของไทยแล้วก็ประเทศต่างๆซึ่งทำให้ปริมาณนักเดินทางฝรั่งมากขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ที่โดยประมาณ 1.2 ล้านคนต่อเดือน แต่การปรับขึ้นอัตราค่าดอกเบี้ยแนวนโยบายโดยธนาคารกลางในหลายประเทศ เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง เริ่มก่อให้เกิดผลเสียต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจรวมทั้งการค้าขายโลก ทำให้อัตราการขยายตัวของภาคการส่งออกไทยในตอนก.ค. – เดือนสิงหาคม 2565 ขยายตัว 6% ปรับพฤติกรรมต่ำลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 11% ดังนี้ ความปั่นป่วนของตลาดการคลังแล้วก็เศรษฐกิจโลกในระยะด้านหน้ายังคงเป็นปัจจัยหลักที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดถัดไป